“ติงลี่..ลื้อกินข้าวหรือยัง”

ติงลี่..ลื้อกินข้าวหรือยัง บทเรียน..จากคำสอนของอาม่าบักหลี

ขอบคุณทุกความรัก..ทุกความห่วงใย..ที่มีให้กันและกันครับ
ระหว่างนอนพักที่ร.พ.ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดคนหนึ่ง

เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นคำถามธรรมดาของ “อาม่าบักหลี” แต่ “มีคุณค่ามาก”เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันนี้ สมัยเด็กๆ ป.3 – ม.3 ผมอาศัยอยู่กับ อาม่า,อากง ที่บ้านไร่ใหม่ อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบฯ ประโยคหนึ่ง ที่อาม่ามักจะพูดกับผมเป็นประจำก็คือ “ติงลี่..ลื้อกินข้าวหรือยัง” เป็นคำพูดติดปากของอาม่า ไม่ว่าผมจะกลับมาจากโรงเรียน หรือ จะไปวิ่งเล่นหรือจะไปไหน ทำอะไรก็ตาม จะต้องได้ยินประโยคนี้เสมอ เป็นประโยคธรรมดาที่ไม่ธรรมดา มันสะท้อนถึงความรักความห่วงใยที่มีให้หลานคนหนึ่ง และเป็นภูมิปัญญา พื้นฐานการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งที่คนจีนให้ความสำคัญมากๆ ก็คือ ก่อนทำกิจกรรมอะไรก็ตาม “ท้องต้องอิ่ม” สิ่งแรกท้องต้องอิ่มก่อน เพราะถ้าท้องไม่อิ่ม จะส่งผลสุขภาพต่ออารมณ์ และเมื่ออารมณ์ไม่ดี ทีนี้หล่ะจะทำอะไรก็ไม่ดี ดูผิดหูผิดตา ตัดสินใจผิดพลาดไปหมดนั่นเอง

ดังเหตุที่ผมต้องมานอนพักที่ร.พ. เพราะว่าเป็นโรคกระเพาะอักเสบ อันเกิดจากความประมาท ที่คิดว่าเราร่างกายแข็งแรง จะกินอะไร กินเมื่อไหร่ กินอย่างไร กินไม่มีประโยชน์ กินไม่ตรงเวลา…ซึ่งเป็นความคิดที่ ผิดถนัดครับ

ประเด็นคือ สุขภาพเราต้องการความสมดุลทั้ง 3 อ. ทั้งอากาศที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และทานอาหารที่เป็นประโยชน์ตรงต่อเวลา สำคัญที่สุดคือก่อนทำอะไรก็ตาม..ให้นึกถึงอาม่าครับ
#ขอบคุณภรรยาที่ดูแลกันเสมอ มัฑณา ชัยเพชร
#ขอบคุณคุณยายเพ็ญและลูกๆที่น่ารัก
#วังบอนเทรลเจอกันวันอาทิตย์นี้ ^^